ผมเองได้ยินคำนี้ อยู่บ่อยๆ ว่า..ในปัจจุบันมีการปลอมพิมพ์ (แม่พิมพ์)..ของพระสมเด็จ
ขึ้นมาให้ถูกต้องตามพิมพ์นิยมฯ (หลวงๆ)..โดยมีการนำพิมพ์ทรงเหล่านั้นมาถอดพิมพ์.เพื่อ
ให้ได้เป็นแม่พิมพ์ที่เป็นพิมพ์นิยม
ถามว่า..ทำได้ไหม?…..”ทำได้ครับ” ซึ่งปัจจุบันเขาก็ทำกันอย่างนั้นอยู่ สามารถทำได้
ไม่ยากครับ…อาจจะใช้ซิลิโคน แล้ว เรซิ่นล้อมแม่พิมพ์อีกรอบนึง เพื่อให้เเข็งแรงก็ได้….ครับ
เมื่อได้พิมพ์ทรงฯ มาแล้ว ก็มีการผสมเนื้อหามวลสารให้ใกล้เคียงกับของเดิม..เติมส่วน
ผสมต่างๆ ที่เซียน ที่ผู้รู้ได้อธิบายให้มีในเนื้อเข้าไป เพื่อให้มวลสารและมีเนื้อหาที่ใกล้เคียงกัน
คือทำเนื้อขึ้นมาใหม่เลย…..
จากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการทำเก่า…พราง..หรือย้อม หมักฯลฯ…เพื่อให้พระได้อายุ
สรุปก็คือ พิมพ์ทรงองค์พระ-เนื้อหามวลสาร-คราบเก่า-รา-อายุ ฯลฯ ไม่มีอะไร
ที่ปลอมแปลงไม่ได้…ครับ…ปลอมได้หมด (ยกเว้น.บางเรื่องที่เซียนไม่รู้..หรือ สิ่งที่เซียนไม่รู้
สิ่งนั้นจึงปลอมไม่ได้)
มีคน-ผู้รู้-ผู้ชำนาญการ-เซียน มักจะใช้อ้างเสมอๆ ว่า..เมื่อทำพิมพ์ได้แล้ว…ในกรณี
ถ้าเอาเนื้อพระสมเด็จเก่าฯ…เช่นสมเด็จนอกพิมพ์ฯ…ที่เซียนไม่นิยม นำมาบดแล้วทำเนื้อใหม่
เราก็จะได้พระสมเด็จที่ถูกต้องทั้งเนื้อและทั้งพิมพ์….ได้อายุ….ทันยุค…เลยทีเดียว
เป็นคำกล่าวที่ ถูกต้องเหมาะสมดีแล้วหรือไม่?
หากมีการกระทำเยี่ยงนั้น…หากทำเช่นนั้นจริงๆ แล้ว…คนที่มีความรู้ ความชำนาญ
จะแยกได้หรือไม่ได้………….แยกเป็นกรณีให้เพื่อนๆ ได้คิดครับ
กรณีที่หนึ่ง…แยกไม่ออก…(รู้ไม่จริง)
หมายความว่า สมเด็จฯ องค์ที่เห็นอยู่ตรงหน้า..ทุกวันนี้..ผู้รู้ผู้ชำนาญการต่างไม่รู้ว่่า
แม่พิมพ์มีลักษณะอย่างไร?… จึงส่งผล..คำตอบตอบไม่ได้ว่า
เนื้อหาก่อนพิมพ์ มีลักษณะอย่างไร?….การจะปลอมเนื้อเก่าก็ดี..หรือทำเนื้อให้
ใกล้เคียง..กับเนื้อเก่าก็ดี ทุกวันนี้….ก็แยก..ไม่ออกกันอยู่แล้วหน่ะครับ
กรณีที่สอง…แยกออก…(รู้จริง)…
แสดงว่า..เขาต้องมีความรู้ว่า..
แม่พิมพ์มีลักษณะอย่างไร? เนื้อก่อนพิมพ์มีลักษณะอย่างไร?….
พิมพ์ทรงที่ถอดแบบออกมามีลักษณะแตกต่างจากแม่พิมพ์ที่เขารู้จัก? มันมี
ความแตกต่างกันตรงส่วนไหน?….เขาย่อมตอบได้….ส่วนเนื้อหาที่นำมาบดแล้วทำใหม่…
คำตอบก็มีดังนี้ครับ
เนื้อพระสมเด็จเก่า..ที่เอามาบดทำใหม่ (คนเอาเนื้อเก่ามาทำใหม่ต้องมีความรู้
คัดแยก รู้จัก/แม่นเนื้อ ถึงจะค้นหาเนื้อใกล้เคียงได้)……
แต่..การที่เอาเนื้อพระสมเด็จเก่ามาบดใหม่…ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า…
เนื้อภายในของพระสมเด็จ..เป็นสีขาว..เพราะไม่เปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา
เหมือนผิวพระที่อยู่ด้านนอกโดยรอบ…พอบดไปแล้ว..เนื้อผงที่ถูกบดที่ได้…ก็ดูใหม่อยู่ดี….
วิธีนี้..จึง..ไม่มีผลครับ….(ไม่มีประโยชน์ที่จะทำแบบนั้น)
ประการต่อมา…เนื้อพระสมเด็จที่ถูกบดจนละเอียดแล้ว..คุณจะทำยังงัยต่อไป?
..เพื่อให้เป็นพระสมเด็จ..ที่ถูกเนื้อถูกพิมพ์….เพราะ
คุณไม่รู้ว่า…แม่พิมพ์สมเด็จดั้งเดิม…มีลักษณะอย่างไร? เหมาะกับ…ปั้นกดหรือเทหยอด
คุณไม่รู้ว่า…เนื้อสมเด็จดั้งเดิม…มีลักษณะอย่างไร?…ปั้นกดหรือเทหยอด?…..
จากแม่พิมพ์ดั้งเดิมนั้น
ทีนี้….คุณก็เลยไม่รู้ว่า..จะทำเนื้อแบบ..ปั้นกดหรือเทหยอด…ดีนั่นเอง โดยให้คนอื่น
จับผิดการปลอมแปลงเนื้อนั้นไม่ได้) กรณีนี้ผู้รู้จริงก็ย่อมรู้ดูออกอยู่ดี
ปัญหาใหญ่ที่จะตามมา ก็คือ….
คุณ…..จะเอาอะไร?…เป็นตัวประสานเนื้อ..ให้เป็นเนื้อเหมือนเดิม..โดยไม่ผิดเพี้ยน
ผมไม่คาดเดาคำตอบ แต่รู้คำตอบว่า สิ่งที่คุณจะตอบได้ก็คือ…”ไม่รู้.”… นั่นเอง
หมายความว่า…คุณจะตอบไม่ได้..ไม่รู้จะทำยังงัย…ไม่รู้จะทำได้ยัังงัย……นั่นเอง
(แล้วคุณคิดได้ยังงัย..อธิบายเรื่องราวการเกิดเหตุการณ์ต่างๆ บนเนื้อพระฯ..ให้คนอื่นที่ไม่รู้…
เขาไม่รู้ก็อยากได้ความรู้…แต่..คุณกลับอธิบายให้ความรู้กับพวกเขา ด้วย “สิ่งที่ตัวเองก็
ไม่รู้เหมือนกัน” คาดเดาไว้แบบนี้ คุณไม่รู้สีกผิด…หรือ?)
ผมถึงเน้นย้ำให้ความสำคัญในเรื่องการให้ความรู้เหล่านี้..คือถ้าพวกอวดอ้างรู้ รู้ไม่จริง รู้ไม่พอ
แล้วแสดงตนเป็นผู้รู้ให้ความรู้…มันจะส่งผลเสียใหญ่หลวงในอนาคตได้นั่นเอง) ต้องมีจิตสำนึก
รับผิดชอบชั่วดี…มีความละอาย และความเกรงกลัวต่อบาปกรรมบ้าง…อย่างน้อย..รู้จัก.อายใจ
ตัวเองด้วยว่ากำลังคิดทำอะไรที่ไม่สมควรนั้น ตนเองย่อมรู้แก่ใจ หลอกคนอื่นให้เชื่อได้หลอกใจ
ตัวเองไม่ได้หรอกครับ
วันนี้…คิดแค่..เนื้อพระก่อนพิมพ์มีลักษณะอย่างไร?…ให้ได้คำตอบที่แน่ชัดก่อนดีไหม?…
อย่าไปคิดให้ไกล..ให้ใครๆเคารพความคิดของคุณที่
คิดว่า เชื่อว่า..ตัวผู้พูด..ตัวผู้รู้..ตัวเองเก่ง…(เก่งยังงัย..ตรวจสอบคำพูดแล้ว…ผมยังงง)
เอาเวลาไป ค้นหาแม่พิมพ์..ที่แท้จริง..ว่ามีลักษณะอย่างไร?…ดีกว่าครับ…
อย่าสร้างเรื่องปวดหัว..ที่ตัวเองก็ตอบไม่ได้เลย…..”อายเด็กใหม่ๆ ในอนาคตที่จะก้าวเข้ามา
ในวงการพระเครื่องฯ แล้วเรียนรู้…(หาคำตอบ…..) อะไรไม่ได้..?…เพราะ..คำพูดมั่วๆ ทั้งหลาย
…. ตลอดจน…คำสอนของพวกที่ที่อ้างว่า..รู้…อ้างว่าตัวเอง..ชำนาญการ…แต่..สอนอะไร?…
นำเสนออะไร?..ที่เรียนรู้ไม่ได้…ไม่มีคำตอบชัดเจนได้สักเรื่อง.เยี่ยงนี้…ไม่มีอะไรที่มีมาตรฐาน…
วัดค่าได้จากสิ่งที่ตัวเองและพวกพ้องกำหนดขึ้นมานอกจากความเชื่อ..จงเชื่อตรู..จงเชื่อตรู…
หากในอนาคตยังเป็นเยี่ยงนี้….
วงการนี้..ก็คงเต็มไปด้วยความเชื่อ..อุดมงมงายไปด้วยความเชื่อ..พัฒนาหรือ..จะหาทาง
พัฒนายังไม่เจอทาง…เลยครับ….ต้องเข้าไปเรียนรู้ใน “กรอบ” ที่ครอบหัว…เป็นกบในกะลาครอบ..
อยู่ในกะลาที่มืดมิด ไม่ยอมรับความรู้ใหม่..หรือความจริงแล้ว
กบเหล่านี้ ต่อให้เปิดกะลาที่ครอบออก ก็ยากที่จะมองเห็นสรรพสิ่งโดยรอบ…เนื่องจาก….
อยู่ในกะลามานาน….ตาจึงไม่จำเป็นต้องใช้…..กลายเป็นกบตาบอด…นอกกะลาไปโดยปริยาย
ขอปัญญาจงสถิตย์กับเพื่อนๆ ครับ