ผมเองผ่านประสบการณ์ในวงการพระเครื่องฯ ระดับพื้นล่าง โตมากับการค้นหา
คำตอบ…แท้เท็จ…ให้กับพระเครื่องฯ องค์ๆ หนึ่งตรงหน้า ของเซียนเล็กใหญ่แต่ละคน
(ที่ตั้งตนเป็นผู้รู้)
บางคน…อาจจะเป็นนักเล่านิทานตัวยง ผูกเรื่องนู่นนี่ ให้เหล่าเพื่อนๆ หรือ ศิษย์
หรือ ผู้แสวงหาความรู้ฟัง (นิทานที่ผู้เล่าผูกเรื่องราวให้…ตัวเองดูน่าเชื่อถือ…)
บางคน….ก็จะมีการอธิบายมวลสาร แยกแยะมวลสารอธิบายมวลสารแต่ละอย่าง
การได้มาของมวลสารแต่ละอย่าง..ที่เกจิอาจารย์รูปนั้นได้…มวลสารนั้นมา
บางคน…ก็จะเล่าเรื่องพิมพ์ทรง…ที่ปรากฏที่ตัวเองเห็นอยู่ตรงหน้า…ว่า
ใครเป็นคนแกะพิมพ์นี้ถวาย….รวมถึงตัวละครต่างๆ ก็ปรากฏเข้ามา…เช่น หลวงวิจารณ์เจียรนัย
นางขำ หลวงสิทธิ์…หลวงวิจิตรฯลฯ…..
บางคน…ก็วัดคืบ วัดศอก จากองค์พระฯ…ว่ามีขนาดตามที่…เขาได้ค้นพบได้เรียนรู้
มาหรือไม่?……จะพอดีตามที่เขา….ศึกษาจากตำรามาหรือไม่
บางคนก็….แกว่งตุ้ม…รอบองค์พระเพื่อให้ “รู้สึก” ถึงการตอบสนองของ
สิ่่งศักดิ์สิทธิ์กลับขึ้นมาในรูปแบบ “พลัง” ที่เขารับรู้ได้
บางคนก็ใช้วิธี ปลุกของ จับพลัง…เพื่อให้พระเครื่องฯ องค์ที่ถือหรือครองอยู่…
ส่งพลังมาในร่างกายเขา…ขนตามตัวจะตั้งชัน…มีพลังปรากฏ…
นั่นคือ..เรื่องราวการค้นหา…”ความจริง” ในเรื่องพระแท้ฯ…หรือ…พระเท็จฯ..
ในระยะเริ่มแรกของวงการพระฯ…นั่นเอง
ต่อมาเมื่อมีการจัดตั้งรวมตัว..ของหน่วยองค์กรพระเครื่องขึ้นมา…ก็มีการ
นำเอาหลักสากลในการแยกแยะพิจารณาความแท้เท็จของพระฯ…โดยแบ่งมาตรฐานใน
การพิจารณา..ออกเป็นสองส่วนใหญ่ๆ เพื่อยึดเป็นหลักมาตรฐาน..คือ
พิมพ์ทรงองค์พระ….กับ….เนื้อหามวลสาร…ในการแยกแยะเรียนรู้ได้…นั่นเอง….
การไปกำหนดพิมพ์ทรงองค์พระกับเนื้อหามวลสาร เพื่อป้องกัน…การเชื่อ
ในเรื่องของการจับพลัง…พระมีพลังแผ่ออกมาได้
ป้องกันความเชื่อ ในเหล่าคนที่ใช้ความรู้สึก…ส่วนตัวที่คนอื่น…เรียนรู้ไม่ได้…
ในขณะเดียวกัน…วันนี้…พิมพ์ทรงกับองค์พระฯ ที่ถูกกำหนดให้เป็นมาตรฐานนั้น
เมื่อเราตรวจสอบแล้วก็ไม่มีค่ามาตรฐาน วัดค่าไม่ได้เช่นกัน การไปกำหนดพิมพ์ทรง
องค์พระกับเนื้อหามวลสาร…เพื่อป้องกัน
ป้องกันความเชื่อในเหล่าคนที่ใช้ความรู้สึก…ส่วนตัวที่คนอื่น…เรียนรู้ไม่ได้…เสียเอง
การจับพลัง….ผมไม่เชื่อ ไม่สามารถไว้วางใจได้….เพราะผมเรียนรู้ไม่ได้…..
ในขณะที่….ผมเองเรียนรู้เรื่องพิมพ์ทรง…เนื้อหามวลสาร….ผมก็พบว่า…มันเรียนรู้
ไม่รุ้จบ…มันไม่ใช่มาตรฐาน…..สรุปผมก็เรียนรู้…เข้าใจไม่ได้….เพราะมันไม่สามารถ
วัดค่าคงที่ได้..มันจึง…กำหนดให้เป็นมาตรฐานใดๆ ไม่ได้……เช่นกัน……..
ดังนั้น..การไปกำหนดให้เนื้อกับพิมพ์….เป็นมาตรฐาน (ไม่มีหน่วยวัดค่าได้)
….แสดงว่า….โกหก….
มันจึงไม่ต่างกับการจับพลัง…ครับ…คือ……
เราเลือกที่จะเชื่อจับพลัง…ก็ได้…หรือ
เราเลือกที่จะเชื่อว่า..เนื้อกับพิมพ์.ว่ามีมาตรฐานก็ได้…..เราจะนับถือคนที่จับพลัง
ในองค์พระได้ว่า…เก่ง..สุดยอดก็ได้…เราจะนับถือคนหรือเหล่าคนที่กำหนดให้ เนื้อกับพิมพ์…
เป็นมาตรฐาน..หรือจับพลังได้……ผมก็ว่ามันไม่แตกต่างกัน
เพราะว่า…ไม่ว่าเราจะเชื่อหรือเลือกฝ่ายไหน?…..
ทั้งสองฝ่ายก็ไม่มีคำตอบเรื่อง…มาตรฐานดูยังงัย…แท้ยังงัย? ให้เราเรียนรู้ได้อยู่ดี……
เราจะเลือกเชื่อฝ่ายไหน?..เราก็เรียนรู้ไม่ได้อยู่ดีมันต่างกันตรงไหน?…เพราะสุดท้ายวันนี้…
เหล่าแมงเม่า..ก็ไม่เข้าใจมาตรฐานแห่งความเชื่อ…ที่ถูกกำหนดมากำกับ..อยู่ดีครับ
วงการนี้เต็มไปด้วยความเชื่อ อุดมงมงายไปด้วยอวิชชา เพราะตัวกลางที่ไม่เข้าใจปัญหา…
แต่ละคนต่างเรียนรู้เพื่อค้นหาคำตอบ..”แท้เท็จ” ให้พระเครื่องที่ตัวเองครอบครองไม่ได้….
ต้องเชื่อ….”คนกำหนดมาตรฐานให้เขาตัดสินในมาตรฐาน (อะไรก็ได้)…ตามใจตัวแบบนี้”…
การจับพลัง…ใช้ความเชื่อส่วนตัว
การตัดสินให้พระจะเเท้จะเท็จ..ทุกวันนี้ ยึดพิมพ์ยึดเนื้อเป็นหลัก..ก็ใช้ความเชื่อส่วนตัว
ไม่แตกต่างกันครับ
ตัวกลาง “เซียน” เป็นคนกำหนดหลักการในการพิจารณาให้เป็นมาตรฐานขึ้นมา..โดยไม่ได้มี..
“ความรู้อย่างถูกต้องดีพอว่า”…สิ่งที่ตัวเองกำหนดขึ้นมาให้เป็นมาตรฐาน…เนื้อพิมพ์..ความเก่า
คราบกรุฯลฯ…สิ่งต่างๆ เหล่านั้น….ไม่มีมาตรฐาน..ไม่สามารถใช้หน่วยวัดค่าอะไร?…ได้เลย..
นอกจากความเชื่อ(ส่วนตัว) ว่าใช่หรือไม่ใช่….ของ..”ผู้ตัดสิน”..ที่กำหนดสิ่งเหล่านั้นขึ้นมา…
ทั้งหมดที่เขากำหนดให้เราเรียนรู้ และอ้างว่า..นั่นคือมาตรฐาน…มันไม่มีมาตรฐาน
สักอย่างครับ…..จะอ้างความเชื่อและประสบการณ์.เคยเห็นพระแท้มามากตัดสินพระฯ มามาก
เราก็ต้องไปพิจารณาดูว่า …ความเชื่อและประสบการณ์ของแต่ละคนนั้น…มีมาตรฐานหรือไม่?
ความเชื่อ และ ประสบการณ์ ไม่มีหน่วยวัดค่าความเชื่อและประสบการณ์นั้นได้…อีก
ต่อให้..มีการรวมตัวของความเชื่อและประสบการณ์ของหลายๆ คน รวมตัวกัน
ตัวสินว่าแท้เท็จ….มันจึง….ไม่ต่างอะไร? กับ..การจับพลัง…นั่นเอง (ใช้ความเชื่อเหมือนกัน)
ต่อให้…เอาพลังความเชื่อของคนสิบคนมา..ตัดสิน…พระองค์นึงที่เห็นตรงหน้า…กรณีถ้า
คนสิบคนหรือมากกว่าครึ่ง…บอกว่า…เป็นพระแท้…แสดงว่า..พระองค์นั้นน่าจะเเท้ได้แล้ว…..
555555555 มันต่างจากการจับพลังตรงไหน?……
มันเหมือนกันครับ…
การจับพลังก็ใช้ความเชื่อส่วนตัว…ว่าตัวเองจับพลังได้…
ตัวเองมีคุณวิเศษอยู่ในตัว…..รับรู้ได้เพียงคนเดียว
กรณีนี้….การตั้งมาตรฐานเนื้อหามวลสารกับพิมพ์ทรงองค์พระฯ….ก็ไม่ต่างกัน…..
เพราะผู้ตัดสินต่างก็.ใช้ความเชื่อส่วนตัวเหมือนกัน..คนอื่นไม่รู้..ไม่ทราบด้วยได้
กำหนดอะไรขึ้นมาวัดค่าไม่ได้….”รู้เฉพาะคนเดียว”…ก็เล่นคนเดียวดิ….
รู้กลุ่มเดียวก็เลยเล่นกลุ่มเดียว…..ไป ไม่ต้องให้คนอื่นเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย
กีดกันการเรียนรู้การตรวจสอบความรู้…กีดกันคนอื่นไม่ให้ได้เรียนรู้ได้…
คนอื่นๆ จึงเข้าไม่ถึงองค์ความรู้ (ถูก-ผิด) นั้นได้
ผลการตัดสินที่ออกมา…แท้หรือไม่แท้นั้น…..มันจะยุติธรรม..มันจะตรวจสอบกันได้อย่างไร?…
ก็เป็นแค่…ความเชื่อจากคน..ที่เห็นพ้องต้องกันว่าด้วยความเชื่อและประสบการณ์ของตนว่า
น่าจะ…จะใช่…..รู้สึกได้ว่า..น่าจะแท้…หรือน่าจะไม่แท้……
มันต่างจาก…การจับพลัง…ตรงไหน?ครับ…เจ้านาย
แล้วมันจะพัฒนาวงการนี้ไปได้อย่างไร?…จากความเชื่อ หรือ จากความรู้ไม่พอของ
ผู้กำหนดมาตรฐาน มาตรฐานสากล….มาตรฐานตามใจพวกพ้องครับ…..เจ้านาย….
ขอปัญญาจงสถิตย์กับเพื่อนๆ ครับ